มีผู้ขอให้แนะนำอาหารเช้าเลยนึกถึง Italian sausage นำมาทานกับขนมปัง และผักสลัดก็ดีค่ะ สามารถทำได้ง่ายๆ
Sausage โดยพื้นฐานทำจากเนื้อวัวหรือเนื้อหมูติดมัน เช่น เนื้อสันคอ นำมาบด แล้วผสมเกลือ สมุนไพร และเครื่องเทศ โดยปกติจะนำไปบรรจุในไส้หมู/แกะ หรือไส้สังเคราะห์ คงด้วยเหตุนี้ ไทยเราจึงเรียก ไส้กรอก(ฝรั่ง) บางชนิดจะทำเป็นแผ่นหนา (patties) ในกระบวนการผลิตแบบอุตสาหกรรมจะผสมฟอสเฟตลงไปเพื่อให้อุ้มน้ำ และยังเติมสารเคมีอื่นๆ อีกหลายชนิด
Sausage แบบอิตาเลียน สูตรข้างล่างนี้ เป็นแบบ patties มีวิธีการทำไม่ยุ่งยาก และไม่มีการเติมสารอื่นๆ ที่ใช้ในการผลิตเพื่อการค้า
ส่วนผสม
1. หมูบด1แช่เย็น 450 กรัม ใช้เนื้อหมูที่มีไขมันปนอย่างน้อย 1 ส่วนใน 5 ส่วน หรือ 20% ถ้าไม่มีไขมันหรือมีน้อยกว่านี้ เมื่อทำสุกแล้วเนื้อจะแข็ง ไม่อร่อย
2. น้ำเย็น 2-4 ช้อนโต๊ะ
3. เกลือ (เกลือแกง) 1 1/2 ช้อนชา
4. น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะ
5. เครื่องเทศ
– พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
– เทียนข้าวเปลือก (fennel) บดหยาบ 2-3 ช้อนชา
– ลูกผักชีป่น (corriander) 1/2 ช้อนชา
– ลูกจันทร์เทศป่น (nutmeg) 1/4 ช้อนชา
– ผงกระเทียม 1/2 ช้อนชา หรือใช้กระเทียมสดบดละเอียด 1 ช้อนชา
6. ผักชีหั่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
สามารถหาซื้อเครื่องเทศ (เทียนข้าวเปลือก ลูกผักชี และลูกจันทร์เทศ) ได้ตาม supermarket หรือที่แมคโคร ซึ่งมีเครื่องเทศขายหลากหลายชนิดมาก
หากไม่มีเครื่องเทศ หรือไม่ต้องการใส่ ให้ทำเป็นหมูสับทอด ใช้ซีอิ๊วขาวดีๆ 1 ½ ช้อนโต๊ะแทนเกลือ กระเทียมพริกไทยโขลก ตามชอบ ไม่ต้องใส่น้ำตาล เติมน้ำลงนิดหน่อย และใส่ไข่ 1-2 ฟอง เปลี่ยนจากอาหารต่างชาติเป็นไทย/จีน ทันที ทานกับผัดผักใส่น้ำมันหอย และข้าวต้มหรือข้าวสวยกล้องก็ได้ค่ะ
วิธีทำ
– ผสมเกลือ น้ำตาล และเครื่องเทศทั้งหมดเข้าด้วยกัน พักไว้
– นวดหมูบดกับน้ำเย็น (เติมน้ำได้อีก เพื่อให้นุ่ม แต่อย่ามากเกินไปจนเนื้อหมูไม่เกาะตัวกัน)
– โรยส่วนผสมเกลือ น้ำตาล และเครื่องเทศลงทั้งหมดลง นวดให้เข้ากันดี
– แบ่งมาปิ้ง/ทอด ชิมรส แล้วปรับแต่งตามชอบ
– เติมผักชีสับลง เคล้าให้เข้ากัน ปิดฝาภาชนะให้มิดชิด แล้วนำไปพักไว้ในตู้เย็นค้างคืน จะช่วยให้รสนุ่มนวลขึ้น
– รุ่งเช้านำมาทอดในน้ำมันน้อยๆ พอติดพื้นกระทะเท่านั้น
เกร็ดความรู้
คำว่า ‘sausage’
มาจากภาษาลาติน ‘salsus’ แปลว่าทำเค็มหรือถนอม แบ่งเป็น ชนิดสด (uncooked fresh sausage) สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ประมาณ 3 วัน และต้องทำให้สุกก่อนนำมาบริโภค และชนิดที่ทำสุกแล้ว (cooked sausage) สามารถทานได้เลย แต่มักจะนำมาอุ่นให้ร้อนก่อนเพื่อเพิ่มรสชาด ชนิดนี้จะ ‘cure’ ด้วยเกลือโซเดียมไนไตรท์เพื่อยับยั้งจุลินทรีย์ Clostridium botulinum ที่ทำให้เกิดอาหารเป็นพิษ และยังป้องกันไม่ให้เกิดกลิ่นหืนอีกด้วย (โซเดียมไนไตรท์ยังช่วยให้สีของไส้กรอกคงตัวเมื่อมีเกลือแกงอยู่ด้วย นอกจากนี้ ยังเกิดกระบวนการที่ทำให้เนื้อไส้กรอกมีสีชมภูสดเนื่องจากไนไตรท์บางส่วนเปลี่ยนเป็นไนตริกออกไซด์และรวมกับโปรตีนในเซลล์กล้ามเนื้อ) หลังจากนั้น นำไปทำให้สุกที่อุณหภูมิประมาณ 65-68 องศาเซลเซียส และบางชนิดจะนำไปรมควัน จึงสามารถเก็บได้นานขึ้น คือประมาณ 1 สัปดาห์ นอกจากนี้ ยังมีชนิดกึ่งแห้งหรือแห้ง ซึ่งมีกระบวนการทำที่ยุ่งยากขึ้น แต่ก็ทำให้สามารถเก็บได้นานขึ้น
– ไส้กรอกราคาถูก มักทำจากเศษเนื้อวัวหรือหมูที่เหลือจากการแต่งเพื่อการค้า จึงมีไขมันมาก และมักเติมแป้ง ผงถั่วเหลือง หรือของราคาถูกอื่นๆ เพื่อลดต้นทุน
– เกลือที่เป็นเม็ดหยาบๆ มีความเค็มน้อยกว่าเกลือแบบผงละเอียดที่ทำให้บริสุทธิ์
– น้ำตาล ช่วยตัดความเค็มของเกลือ ทำให้รสชาติของไส้กรอกนุ่มนวลขึ้น